วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556

โครงการการจัดกิจกกรมเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน

โครงการอบรมให้ความรู้เรื่องการจัดกระบวนการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงสู่ชุมชน 
วันที่  ๒๕  เมษายน  ๒๕๕๖
  ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน ม. ๖ บ้านจืองา ต.บางปอ อ.เมืองนราธิวาส




โลกาวิวัฒน์” สร้างระบบทุนนิยมโดยใช้กลไกลตลาด เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยเน้นเศรษฐกิจเป็นตัววัดปัจจัยของการเจริญเติบโต และการแสดงว่าประเทศพัฒนาจะใช้รายได้ประชาชาติต่อหัวเป็นตัวตัดสิน 
ดังนั้นจึงเกิดสิ่งที่เรียกว่าการแข่งขัน  การชิงไหวชิงพริบ   การแกร่งแย่ง  เพื่อให้นำมาซึ่งความร่ำรวยของประเทศตน  สิ่งที่เป็นผลพวงตามมาก็คือ ทรัพยากรของโลกถูกทำลายโดยน้ำมือมนุษย์ เพื่อที่จะสนองความต้องการ ความยิ่งใหญ่ จนเกิดภาวะเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อมและสภาพจิตใจ และเกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย  โดยเฉพาะปัญหาสภาพแวดล้อม เช่น  การเกิดมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม   การเกิดภัยธรรมชาติ  เนื่องจากมนุษย์บุกรุกทำลายป่า  ปัญหาสังคม  ยาเสพติด  อาชญากรรม  และตามมาด้วยโรคภัยไข้เจ็บอีกมากมาย  แม้แต่ประเทศไทยเองก็ได้รับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่ว่าจะเป็นการบริโภค  การแต่งกาย   ความเป็นอยู่ บนพื้นฐานของความฟุ่มเฟือยหรูหรานิยมวัตถุจนเกิดเป็นวัฒนธรรมบริโภคนิยม วัตถุนิยมส่งผลให้เกิดความเสื่อมโทรมทางศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรม จนสภาพสังคมไทยตกอยู่ในสภาพเลวร้าย  วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียม  ประเพณีอันดีงามที่บรรพบุรุษสั่งสมไว้แทบจะไม่หลงเหลือให้ชื่นชม  คนไทยเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว สังคมที่มีมิตรไมตรีความเอื้ออาทรต่อกันเหลือน้อยเต็มทน  เพราะต้องแข่งขัน แกร่งแย่งเพื่อความอยู่รอด รัฐบาลเองก็บริหารประเทศโดยใช้ระบบทุนนิยม มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
การลงทุนจากต่างประเทศใช้เงินมากมายในการที่จะต้องซื้อเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เป็นการก่อหนี้จำนวนมหาศาล ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย เพราะต้องนำไปในการพัฒนาประเทศให้เป็นประเทศอุตสาหกรรม รัฐบาลให้ความสำคัญกับภาคเกษตรที่ถือเป็นหัวใจและสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตของคนไทยมาตั้งแต่บรรพกาลน้อยมาก  ประเทศจึงมีสภาพเศรษฐกิจที่คลอนแคลนไม่มั่นคง   ไม่สามารถยืนบนขาตัวเองได้  เพราะต้องพึ่งพาต่างประเทศ  ถ้าคนไทยยังคงอยู่ในสภาพนี้ต่อไปก็คงจะถึงเวลาที่ประเทศจะต้องประสบภัยความ   “ล่มสลาย” 
ดังนั้น  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้เล็งเห็นถึงสิ่งเหล่านี้  จึงได้สร้างทฤษฎีใหม่ขึ้นมา  คือ  “เศรษฐกิจพอเพียง” โดยทรงเน้นย้ำแนวทางแก้ไขเพื่อให้ประเทศรอดพ้นและยื่นหยัดภายใต้กระแสโลกาวิวัฒน์ และการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ได้อย่างมั่นคง เพื่อเป็นหนทางสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
           เศรษฐกิจพอเพียง
เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงชี้ถึงแนวทางการดำเนินชีวิตของประชาชนในทุกระดับ ไม่ว่าจะในระดับครอบครัว  ชุมชน  หรือรัฐในการปฏิบัติงานหรือบริหารพัฒนาประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง  มีความพอประมาณ  ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไม่ประมาท  มีเหตุผล  และสร้างระบบภูมิคุ้มกันต่อผลกระทบต่าง ๆ อันอาจจะเกิดขึ้นจากภายนอกและภายในอย่างรอบคอบ   ในขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนให้มีความสำนึกในคุณธรรม   ความซื่อสัตย์   และความรอบรู้ที่เหมาะสม การดำเนินชีวิตควรใช้ความอดทน  ความเพียร  มีสติปัญญา  พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงจากสภาพแวดล้อม  และวัฒนธรรมโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี  การดำรงชีวิตและปฏิบัติตนมุ่งเน้นการอยู่รอดปลอดภัย  และวิกฤต สร้างความมั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนา
ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย  3 คุณลักษณะ ดังนี้
ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นเช่น การผลิตและการบริโภคอยู่ในระดับพอประมาณ
- ความมีเหตุผล   หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ
- การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว   หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
การดำเนินกิจการต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น  ต้องมีความรู้ และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน กล่าวคือ
          -  ความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
                    -  คุณธรรม  ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียง ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต จึงกล่าวได้ว่าการนำปรัชญาของเศรษฐกิจเพียงพอมาปฏิบัติ คือ  การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน  พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน  ทั้งเศรษฐกิจ สังคม  สภาพแวดล้อม  ความรู้  และเทคโนโลยี  เป็นแนวทางในการพัฒนาให้สามารถพึ่งตนเองในระดับต่าง ๆ อย่างเป็นขั้นตอน  ลดความเสี่ยงเกี่ยวกับธรรมชาติ   หรือการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยต่างๆ โดยอาศัยความพอประมาณและสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี มีความรู้  ความเพียร และความอดทน สติ และปัญญา การช่วยเหลือเกื้อกูล และความสามัคคี  โดยภูมิปัญญาท้องถิ่นผสมผสานกับหลักวิชาการ ใช้การพิจารณาวางแผนและขั้นตอนการปฏิบัติอย่างรอบคอบ  โดยตระหนักในคุณธรรม  ความซื่อสัตย์  สุจริต  ใช้สติปัญญาและความเพียรในการดำเนินชีวิต  
                หลักสำคัญของความพอดีมี  5 ประการ   คือ
ความพอดีด้านจิตใจ  : ต้องเข้มแข็ง สามารถพึ่งตนเองได้ มีจิตสำนึกที่ดี เอื้ออาทร ประณีประนอม นึกถึงผลประโยชน์ส่วนรวม
ความพอดีด้านสังคม   :   ต้องมีความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สร้างความเข็มแข็งให้แก่ชุมชน รู้จักผนึกกำลัง และที่สำคัญมีกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจากฐานรากที่มั่นคง และแข็งแรง
ความพอดีด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม : รู้จักใช้และจัดการอย่างฉลาดและรอบคอบ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนสูงสุด และที่สำคัญใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในประเทศ เพื่อพัฒนาประเทศให้มั่นคงอยู่เป็นขั้นเป็นตอนไป
ความพอดีด้านเทคโนโลยี : รู้จักใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมให้สอดคล้องกับความต้องการ และควรพัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาชาวบ้านของเราเองและสอดคล้องเป็นประโยชน์ต่อสภาพแวดล้อมของเราเอง
ความพอดีด้านเศรษฐกิจ  :  เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ดำรงชีวิตอย่างพอควร พออยู่ พอกิน สมควรตามอัตตภาพ และฐานะของตน
 

นิเทศการจัดการเรียนการสอนภาษามลายุถิ่น

การจัดการเรียนการสอน ภาษามลายูถิ่น หลักสูตร  ๕๐  ชั่วโมง  
ระหว่างวันที่ ๑ - ๒๙ เมษายน ๒๕๕๖ 
  โรงเรียนบ้านโคกสุมุ  หมู่ที่ ๓  บ้านโคกสุมุ   ตำบลบางปอ อำเภอเมืองนราธิวาส

   


 

โครงการส่งเสริมการอ่าน

โครงการเสริมสร้างนิสัยรักการอ่านและการเรียนรู้แก่ผู้สูงอายุ
วันที่ 18 เมษายน 2556
ณ โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ม. 3 บ้านโคกสุมุ ต.บางปอ
อ.เมืองนราธิวาส


 

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

โครงการยกระดับการศึกษาประชาชน จบ ม.๖ ใน ๘ เดือน อย่างมีคุณภาพ

เมื่อวันที่  ๓  เมษายน  ๒๕๕๖
สนง.กศน.จังหวัดนราธิวาสได้จัดโครงการประชุมชี้แจงการดำเนินงานเทียบระดับการศึกษาในระดับสูงสุดของการศึกษาขั้นพื้นฐานตามโครงการยกระดับการศึกษาประชาชน 
จบ ม.๖ ใน ๘ เดือน อย่างมีคุณภาพ
ณ  ห้องประชุมสนง.กศน.จังหวัดนราธิวาส
โดยมี ผอ.สนง.กศน.จังหวัดนราธิวาส  นายณัฐพงษ์ นวลมาก  เป็นประธานเปิดโครงการดังกล่าว




การยกระดับการศึกษาประชาชนจบ ม.๖ ใน ๘ เดือน 

คุณสมบัติ
               ๑.  สัญชาติไทย
               ๒.  อายุไม่ต่ำกว่า  ๒๐  ปีบริบูรณ์   นับถึงวันที่สมัคร
               ๓.  มีพื้นฐานความรู้ไม่ต่ำกว่าการศึกษาระดับประถมศึกษา
               ๔.  ไม่เป็นนักเรียนหรือนักศึกษาที่กำลังศึกษาในสถานศึกษาที่จัดการศึกษาในระบบหรือนอกระบบที่แบ่งระดับเช่นเดียวกับการศึกษาในระดับ
               ๕.  มีประสบการณ์ประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่ง  ไม่น้อยกว่า  ๓  ปี
               ๖.  ประกอบอาชีพในเขตบริการของสถานศึกษาที่สมัครเรียนเข้าเทียบระดับการศึกษา

กำหนดการรับสมัคร
               ตั้งแต่บัดนี้ -  ๓๐  เมษายน  ๒๕๕๖

สถานที่รับสมัคร
               กศน.ตำบลในเขตอำเภอเมืองนราธิวาส  หรือ  กศน.อำเภอเมืองนราธิาส
             
          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่   โทร.๐๗๓-๕๑๔๘๔๓
          หรือครูดะห์ กศน.ตำบลบางปอ โทร.๐๘๗-๙๖๙๒๗๐๘